การรู้จักเลือกทานแป้งและน้ำตาลให้ถูกวิธี ก็ถือได้ว่าเป็นการดูแลสุขภาพอย่างหนึ่งแล้วค่ะ ซึ่งมีวิธีเลือกปฎิบัติง่ายๆตามนี้ค่ะ
1. ใช้แป้งและน้ำตาลชนิดมีกาก (Complex carbohydrate) ยกตัวอย่างเช่น ให้เปลี่ยนจากข้าวขาวเป็นข้าวกล้อง ข้าวมันปู ข้าวแดง ข้าวเม่า ข้าวโอ๊ต ซึ่งข้าวเหล่านี้มีเส้นใยอาหารมากกว่าข้าวขาว ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดขึ้นช้ากว่า จึงดีกับร่างกายเรามากกว่า นอกจากนี้ ยังมีวิตามินบีและโฟเลต ซึ่งช่วยการทำงานของระบบสื่อประสาท มีส่วนสำคัญในการเผาผลาญพลังงานด้วย แค่เปลี่ยนสีข้าวของคุณทุกมื้อ ก็ถือเป็นการดูแลสุขภาพอย่างหนึ่งแล้วค่ะ
2. แบ่งอาหารเป็นมื้อย่อย เช่น ถ้าทานอยู่สองมื้อคือเช้ากับกลางวันอยู่แล้ว ก็ให้ลดปริมาณแต่ละมื้อลง แล้วเอาไปเสริมเป็นมื้ออาหารว่างแทน อย่างนี้จะทำให้น้ำตาลไม่ต่ำมากจนเกินไประหว่างช่วงที่อาหารย่อยหมดแล้ว ทำให้ไม่โหยหาแป้งและน้ำตาลมาก
3. เปลี่ยนจากน้ำชา กาแฟเย็นใส่นมข้นหวาน น้ำผลไม้ หรือน้ำหวานทั้งหลาย ให้เป็นน้ำเปล่า เพราะไม่ว่าแคลอรีจะซีโร่หรือโลว์อย่างไรก็แล้วแต่ พวกนี้ก็ทำให้คุณเกิดอาการติดหวานได้เช่นกันค่ะ
4. ทานผักและผลไม้ที่ปั่นทั้งกาก อย่าไปทานสิ่งที่แยกเอาแต่เฉพาะน้ำมาทานแต่เพียงอย่างเดียว ประเดี๋ยวจะติดความหวานจากน้ำตาลผลไม้ได้เหมือนกัน และเนื่องจากเนื้อผลไม้และผักนี้มีเยื่อใยที่เป็นเหมือนไม้กวาดแสนสะอาด ทั้งปัดกวาดและขัดถูไม่ให้มีคราบไคลไปหมักหมมอยู่ตามหลีบลำไส้ ซึ่งถ้าเอาไว้นานก็ไม่แคล้วได้เซลล์มะเร็งแถมในอนาคต
5. ทานอาหารที่มีธาตุโครเมียมสูง ด้วยโครเมียมจะมุ่งคุมน้ำตาลเอาไว้ไม่ให้พานก่อการใหญ่ทำให้เกิดภาวะดื้อต่ออินซูลิน อันจะนำไปสู่โรคเบาหวานได้ในอนาคต อาหารที่อุดมไปด้วยโครเมียมได้แก่ เบรเวอร์สยีสต์(Brewer’s yeast) บรอกโคลี ธัญพืช ถั่ว และเมล็ดพืชต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เมล็ดฟักทองหรือเมล็ดทานตะวันก็ตาม
6. ทานอาหารที่มีกรดแอลฟาไลโพอิก(Alpha Lipoic) มาก ด้วยเจ้ากรดนี้เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีฤทธิ์แรงแข็งขันมาก ช่วยป้องกันได้หลายโรค ทั้งเรื่องโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และยับยั้งการกระตุ้นสารเสื่อมคือ Nuclear Factor-kappa B(NF-kB) โดยอาหารธรรมชาติที่มีกรดนี้มากสุดคือเนื้อแดง นอกจากนั้นก็มีบรอกโคลีและผักโขมด้วย ผักสีเขียวเข้มทานเข้าไปเถิดมันเป็นถุงรวมอาหารเสริมที่ดีและครบสุดเลยทีเดียว
7. ถ้าจะรับประทานอาหารเสริม ขอให้เลือกชนิดที่มีแป้งน้อยและเป็นธรรมชาติ ด้วยหลายท่านไม่ทราบว่าวิตามินเม็ดโตที่กินอยู่นี้อุดมไปด้วยแป้งอย่างดี มีตัววิตามินต้านอนุมูลอิสระอยู่เพียงนิด ไม่พอสะกิดเชื้อโรคได้ ซ้ำร้ายถ้าบางท่านเป็นเบาหวานอยู่ด้วยก็จะยิ่งไปทำให้น้ำตาลขึ้นแล้วไม่ลงง่ายๆ วิธีแก้ก็แค่เลือกหาอาหารเสริมที่เป็นชนิดดี มีส่วนที่เป็นธรรมชาติอยู่มากหน่อยเท่านั้นเอง
8. นอนให้พอ โดยเข้านอนสี่ทุ่มและตื่นหกโมงเช้าตามตารางเช่นนี้ทุกวัน จากงานวิจัยพบว่า ถ้านอนดึกนั้น โอกาสที่ไขมันสะสมในร่างกายจะสูงมาก แม้ว่าระหว่างวันคุณแทบจะไม่ได้ทานอะไรเลย แต่ถ้านอนดึกแล้ว เผลอกินแค่มื้อเดียว จะทำให้น้ำหนักตัวขึ้นมากกว่าคนที่กินทั้งวันแต่นอนเร็วเสียอีก
หากอยากรับประทาน ให้รับประทาน
สเต๊กเนื้อ => สเต๊กปลาแซลมอน
ก๋วยเตี๋ยว อุด้ง พาสต้า => โซบะ
ไอศกรีม => โยเกิร์ต ไขมันต่ำ น้ำตาลต่ำ
ขนมเค้ก ของหวาน => ฟรุตสลัด
มันฝรั่งทอดกรอบ ขนมขบเคี้ยว => เมล็ดทานตะวันอบ ถั่วอบ
อาหารกลุ่มแป้งที่แนะนำให้ทานทดแทนข้าวขาว
ข้าวกล้อง ผักกาดขาว ฟักทอง เส้นหมี่กล้อง เส้นโซบะ
ผลไม้ที่มีน้ำตาลต่ำ
แอปเปิล ฝรั่ง กีวี ส้ม มะละกอ สตรอว์เบอร์รี มะเขือเทศ แคนตาลูป
ผลไม้ที่มีน้ำตาลสูง
แตงโม สับปะรด มะม่วงสุก องุ่น ขนุน ทุเรียน ผลไม้ดองทุกชนิด
ขอขอบคุณ และรวบรวมข้อมูลจาก
- หนังสือ หยุดอายุไว้ที่...20 โดยนายแพทย์กฤษดา ศิรามพุช
- หนังสือ Anti-Aging สูตรลับชะลอวัย โดยแพทย์หญิงธิดากานต์ รัตนบรรณางกูร
บทความที่เกี่ยวข้อง :
น้ำตาล หวานแต่ร้ายยย...นะจ๊ะ
กลับหน้าแรก Anti-Aging D.I.Y.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
ยินดีรับคำติชม ทุกความคิดเห็นค่ะ (โปรดใช้คำสุภาพนะคะ :)